08 พฤศจิกายน 2551

ไย"สหายไทย" ไม่รักกัน..?












"บางนา บางปะกง " คงไม่สามารถร่างโสลกตั้งคำถามนี้ได้ด้วยวลีเริ่มต้นบทความว่า...บทรำพึงข้างป่าช้าซ้ายไทย...
หากไม่ใช่ผู้เขียนเคยมีนิยามนำหน้านามว่า "สหาย"เช่นกัน...

ก่อนจะลำดับบทความในเนชั่นสุดสัปดาห์เรื่อง"เหมาเจ๋อตง"ร่ำไห้ ไย"สหายไทย"ไม่รักกัน...ดังนี้...
เริ่มจากลำดับความในบทว่าคาร์ล มาร์กซ์ , เฟดริก เองเกลส์ ,วลาดิเมียร์ เลนิน และ เหมา เจ๋อ ตง....ได้สร้างวีรภาพกับการปฏิวัติของมวลมนุษยชาติไว้อย่างไรบ้างก่อนจากไป ก่อนจบความที่ว่า.."หากวันนี้ประธานเหมายังคงมีชีวิตอยู่ คงเศร้าใจพิลึกที่เห็นเหล่า"สหายไทย"ผู้เคยท่องคติพจน์ปกแดงก่อนกินข้าวเช้าต้องลุกขึ้นมารบราฆ่าฟันกันเอง..."

ก่อนที่จะลำดับความการเปิดบทบาทสหายอีสานในนามสมัชชาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นำโดยสหายชัด ที่นำขบวนพลพรรคสหายอีสานส่วนนี้ไปสวามิภักดิ์กับผลประโยชน์ที่อดีตนายกลูกสหายคำตันได้มอบให้จนเป็นที่เรียกขานกันต่อมาว่าพวกเขาได้กลายเป็น...สหายในพระบรมโภธิสมภาร...

ไล่เลียงตามมาด้วยขุมกำลัง สหาย ณ ป้อมค่ายทำเนียบไทยคู่ฟ้า ที่คลาคล่ำไปด้วย"นักรบจรยุทธ์" เริ่มจาก...สหายจากเขตงาน 196 ชัยภูมิ ที่ผู้เขียนเชื่อมโยงว่ามาเชียร์ "สหายสงคราม"อภิปรายบนเวที...นักรบแห่งภูพานตะวันออกจรดตะวันตก กับ สหายอรุณ...นักรบอีสานใต้ ส่วนที่นำโดยเลขาธิการเขตงาน...จนถึงนักรบจากภาคใต้ เขตงานสุราษฏร์ ชุมพร...ตบท้ายด้วยบทบาทของ ชัชวาลย์ ปทุมวิทย์....

ก่อนที่จะข้ามฟากไปลำดับถึงฟากฝั่ง"สีแดง" ที่นำโดย สหายสุภาพ,สหายไพรำ,สหายศรชัย,สหายวิรัติ,...ตามด้วย สุธาชัย,จรัล,เหวง,ธิดา,จิ้น...และสหายที่ไม่ประสงค์จะออกนาม...และไพร่พลจากเขตงานอีสานใต้(ส่วนหนึ่ง) เชียงราย และน่านเหนือ..

ซึ่งเผชิญหน้ากันในสมรภูมิครั้งนี้แบบต้องหักกันถึงขั้นแตกหัก...ก่อนตบท้ายว่า "แล้วยังงี้..จะไม่ให้วิญญาณประธานเหมาร่ำไห้ได้อย่างไร??"....

คงเป็นบทความที่ตั้งคำถามได้ถึงแก่นลึกของจิตวิญญาณของความเป็น"สหาย"ที่เคยร่วมรบในอุดมการณ์เดียวกัน....
อาจจะยังไม่มีคำตอบในวันนี้...กาลเวลา และ ความถูกต้องของสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างยึดถือ..จะเป็นผู้พิพากษา...
วิญญาณประธานเหมา จะร่ำไห้ก็ช่างปะไร...
แต่จิตวิญญาณของ "สหาย"ยังคงยึดมั่นในความผูกพันถึงชาติ ประชาชน และความถูกต้อง เป็นธรรม...แม้ในมุมมองของเขาแต่ละฝ่ายก็ตาม คือคุณค่าสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้....
พิสูจน์ว่า..แม้เวลา "พักรบ" เนิ่นนานมานับสามสิบกว่าปี....
แต่แก่นวิญญาณของ"สหาย" ยังไม่สูญหายไปกับกาลเวลา...
แม้ว่าสงครามครั้งนี้...พี่น้องต้องมารบกันเองก็ตาม.

05 พฤศจิกายน 2551

บทบาท"สหาย"ในสถานการณ์ปัจจุบัน...







สายลมเย็นปะทะใบหน้า โลมหยาดฝนปนเม็ดเหงื่อที่ผุดบนใบหน้า...
ชายหนุ่มใหญ่ถอนหายใจยาว ...กับภารกิจเบื้องหน้า หลังกองยางรถยนต์เก่าที่ดัดแปลงเป็นบังเกอร์กลางเมืองหลวง....
สายลมเย็นแห่งปลายฝนต้นหนาว ที่ราวฟ้าสุดสายตาหลังคลื่นทะเลภูเขาและเบื้องหลังกาลเวลาที่ผ่านเลยมากว่าสามสิบปี...
ที่หลังกองดินที่ถูกโกยขึ้นดัดแปลงเป็นบังเกอร์หลังแนวรบด้านตะวันตกที่เหตุการณ์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง....

เวลา..กว่าสามทศวรรษ มีพลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆในชีวิตของผู้คนทั้งปวง...อย่างยิ่งใหญ่...
แต่ ไม่อาจล่วงเกินเข้าไปในจิตวิญญาณของคนพันธ์หนึ่งที่เรียกขานตนเองว่า..."สหาย"...

"สหาย" คือจิตวิญญาณของคนพันธ์หนึ่งซึ่งเคารพในหลักแห่งความเสมอภาค ภราดรภาพ และรักความเป็นธรรมยิ่งชีพ...
มีความผูกพันอยู่กับชะตากรรมของผองชนผู้ทุกข์รำเค็ญ ถูกกดขี่ข่มเหง ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบ อย่างที่สุด...
รักชาติ รักประชาธิปไตย รักชนชั้นผู้ถูกกดขี่ขูดรีด...
จุดยืน อุดมการณ์ และจิตใจอันสูงเด่นของ "สหาย"ยังคงเหมือนสายลมเย็นแห่งฤดูกาล..ที่ต้องพัดพามาตามเวลาอย่างที่เคยเป็นมาอย่างเที่ยงตรง..

แม้นเวลาจะผ่านไป..แต่ทุกครั้งที่ประชาชนถูกรังแกกดขี่ข่มเหง ประเทศชาติถูกผู้ปกครองฉ้อฉลกอบโกยโกงกินใกล้สิ้นชาติ สังคมไร้สิทธิเสียงเสรีภาพอย่างที่ควรจะเป็น...สายลมเย็นแห่งการต่อสู้ก็จะพัดพามาอาบชโลมใจผู้คนให้สดชื่นตื่นใจเสมอมา....
จิตวิญญาณแห่ง "สหาย" ไม่เคยสูญหาย หรือ ตายไปกับกาลเวลา.....

ลุ พุทธศักราชปีทื่ ๒๕๕๑ ณ ใจกลางกรุงรัตนโกสินทร์...
ความคิดเห็นที่แปลกแยกแตกต่างทางการเมือง ได้ก่อตัว พัฒนาความขัดแย้งมาสู่การแตกขั้วอย่างชัดแจ้ง...ทั้งยังกว้างขวาง และลึกซึ้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...
ผู้คน ถกเถียง ตวาดใส่ ชี้หน้าด่าทอ เผชิญหน้า..และพร้อมเข่นฆ่ากันให้อาสัญ....
ความขัดแย้งยกระดับทวีความรุนแรงและแผ่กว้างไพศาลไปทั้งแผ่นดิน...
หมดสิ้นเยื่อไย ชนเผ่าไท ที่เคยอยู่ร่ม อยู่ร่วมกันมาอย่างเป็นสุขเนิ่นนานนับร้อยนับพันปี...
ความขัดแย้งของสองขั้วสองขบวนชนผู้คิดเห็นแตกต่าง...เดินทางมาสู่การเผชิญหน้า เปิดหน้าไพ่ "สงครามประชาชน" ท้าชนกันทุกรูปแบบ ทุกที่ ทุกเวลา...

ณ ทางแพร่งแห่งสงครามประชาชนครั้งใหม่...
"สหาย" มากหน้าหลายตา จากหลากหลายหน่วย หลากหลายเขตงานได้ผสานร่วมเป็นเนื้อแท้เนื้อในของกองกำลังและองคาพยพของทั้งสองฝ่าย อย่างลึกซึ้ง แน่วแน่ และฮึกหาญ....
เป็นทั้ง เสธ.ออกแบบ ชี้นำ..และเป็นมวลชนคนเดินตาม....
เป็นทั้งผู้บังคับชัญชากองกำลัง..และขุนพลนักรบในแนวหน้า...
เป็นทั้งผู้เดินงานการเมือง การข่าว...และผู้เฝ้าฟัง พร้อมส่งเสียงเชียร์...
เป็น "สหาย" ที่ยืนประจัญหน้า กันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน....

"สหาย" ควรจะมีบทบาทอย่างไร ? ในสงครามที่ตนเองไม่ได้ก่อ....?
ขอคำตอบจงมีแด่ท่านที่เป็น "สหาย" ในสงครามในวันพรุ่งนี้.

04 พฤศจิกายน 2551

ปฐมบท...





กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...
ณ ทิวเทือกเหนือดินแดนอันล้ำลึก บนรอยต่อของเทือกถนนธงชัยที่ทอดตัวยาวเหยียดจรดทิวเทือกตะนาวศรี...
ในอ้อมกอดแห่งภูผา ป่าดงดิบใหญ่ในภาคตะวันตก...มีแม่จันเป็นสายน้ำดังสายเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผืนดินอันอุดม....
ที่ซึ่ง จิตใจอันวีระอาจหาญ คึกคะนองศึก...ได้หลอมรวมกับจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิที่สืบสานกันมาหลายชั่วคน...
เกิดเป็นชีวิตใหม่ที่..สง่างาม กล้าหาญ กล้าต่อสู้ กล้าเอาชนะ กล้าเสียสละ รักชาติ รักประชาชน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ทรหดอดทน...
คือ ชีวิตใหม่...ในร่าง "สหาย" ...ผู้อุทิศตัว อุทิศชีวิตเพื่อชาติ ประชาชน และการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีกว่า....

สามสิบกว่าปีให้หลัง...

สหาย..ยังไม่ตาย..สหายยังคงอยู่...

ยังคงอยู่อย่างมีศักดิ์และสิทธิ์แห่งความเป็น "สหาย" อย่างเต็มเปี่ยม...

...เพื่อทำความดีเพื่อแผ่นดิน...

ในนามของ..." ส.นิรนาม"...นิยามแห่งการต่อสู้ที่ไร้ตัวตน.ทุกหนทุกแห่ง..ไปมา ไร้ร่องรอย..

เราเฝ้าคอย เพื่อนมิตรร่วมอุดมการณ์ สานต่อภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ สู้ฝั่งฟัน วันฟ้าฝ้าฟาง...

สร้างกองทัพ "สหาย" บนไซเบอร์สเปซ....

พิทักษ์คนพาล อภิบาลคนดี...